7 ประจัญบาน ภาค 2 (2005) 7 pra-jan-barn โดยเรื่องราวเริ่มขึ้นในช่วงระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อกองทัพญี่ปุ่นแพร่ขยายอำนาจและอิทธิพลไปทั่วเอเชียอาคเนย์ ทำให้ทางการไทยมอบหมายงานชิ้นสำคัญผ่านมายัง “ผู้กององอาจ” (ประกาศิต โบสุวรรณ) ให้เหล่า 7 ประจัญบานปฏิบัติภารกิจลับสำคัญระดับสุดยอดของประเทศ ตรวจสอบพฤติกรรมอันน่าสงสัยของ “สุริยะ” (ฮิโระ ซาโนะ) ที่คาดว่าอาจจะเป็นสายลับของทางการญี่ปุ่นที่มาในคราบของนักธุรกิจที่เดินทางเข้ามาในเมืองไทย แต่กลับกลายเป็นว่าภารกิจดังกล่าวหาได้สำเร็จลุล่วงง่ายดายอย่างที่คิดไม่ เมื่อผู้นำของ 7 ประจัญบานอย่าง “จ่าดับ จำเปาะ” (พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง) กลับพลาดพลั้งทำให้ “ผู้พันทีเคดะ” พ่อของสุริยะเสียชีวิตโดยอุบัติเหตุทำให้เหล่า 7 ประจัญบานกลายเป็นบุคคลต้องห้ามที่ “นายพลนากามูระ” ผู้นำทัพของญี่ปุ่นโกรธแค้นและยื่นคำขาดให้ทางการไทยส่งตัวจ่าดับและพรรคพวกทั้ง 7 มาสำเร็จโทษประหารชีวิต เป็นเหตุให้ประจัญบานทั้ง 7 ต้องรับมือกับทั้งทางการไทยและเหล่าทหารญี่ปุ่น รวมทั้งกลุ่มมือสังหารที่ถูกส่งตรงมาจากดินแดนอาทิตย์อุทัยซึ่งเป็นที่รู้จักกันในนามของ “7 เซียนซามูไร” จนต้องระหกระเหินไปรวมกับกลุ่มพี่น้องไทยจีนที่ร่วมกันต่อต้านญี่ปุ่นซึ่งมีหน้าฉากคือ “คณะนักแสดงงิ้ว” ที่มีชื่อเสียงของเตี่ย “ตังกวย” (ทศพล ศิริวิวัฒน์) เกิดเป็นจุดเริ่มต้นของการผจญภัยครั้งใหม่ของ 7 ประจัญบานที่ครั้งนี้ต้องทาหน้าขาวแต่งชุดงิ้วรำพลองตะลุยกองทัพญี่ปุ่น เหินขึ้นฟ้าเผชิญหน้ากับกองบินกามิกาเซของญี่ปุ่น ภายใต้ฉากไฮไลต์สุดอลังการกับการเนรมิตรสะพานข้ามแม่น้ำแควขึ้นมาอีกครั้งในฉากไคลแมกซ์สำคัญ พร้อมทั้งเปิดเผยที่มาของ “กางเกงแดงเชือกกล้วย” อันลือลั่นของจ่าดับ รวมถึงเรื่องราวความรักครั้งก่อนของจ่าดับที่มีต่อ “โฉม” (อภิรดี ภวภูตานนท์) และตัวละครสุดคลาสสิกที่เกิดมาแล้วย่อมไม่แคล้วที่อาจจะกลายเป็นคู่กำของกันอย่าง “อังศุมาลย์” (มินท์-อาทิตยา ดิถีเพ็ญ) และ “โกโบต้า” (ก้อง-อรรฆรัตน์ นิติพน) รับประกันว่ามันส์ครบรสอย่างแน่นอน…