ปี 2004
1 ชม.
41 นาที
IMDB: 6.3
เสียง : ไทย
เรื่องย่อ
"โรงพิมพ์แห่งหนึ่งซึ่งมีขนาด 4 คูหาที่ตัวตึกทะลุถึงกัน ชั้น 1 เป็นโรงพิมพ์ แล้วชั้นลอยเป็นสำนักงานของป้าบัว (อมรา อัศวนนท์) แล้วก็จะมีชั้น 2 ที่เป็นที่อยู่อาศัยห้องนอน โดยที่ชั้นบนสุดเป็นที่พักของคนงานโดยมีจุดศูนย์กลางของเรื่องราวอยู่ที่ตัวละคร อุ้ย (แอร์ ภุมวารี ยอดกมล) เด็กสาวที่หนีตายมาจากต่างจังหวัด ซึ่งถูกส่งให้เข้ามากรุงเทพฯ เพื่ออาศัยอยู่กับป้าบัว ญาติห่างๆ หลังจากสูญเสียพ่อและแม่อย่างโหดเหี้ยม ต่อหน้าต่อตา เมื่อถูกสั่งฆ่าจากผู้มีอิทธิพลซึ่งเกี่ยวข้องกับธุรกิจค้ายาบ้า เด็กสาววัย 15-16 ที่มีภูมิหลังอยู่ที่จังหวัดพิจิตรอย่างอุ้ย ต้องประสบกับภาพหลอนของคนที่ฆ่าพ่อแม่มาไล่ตามฆ่าเพื่อเอาชีวิตของตัวเองอยู่เสมอๆ แต่แทนที่ดูเหมือนว่าทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของอุ้ยจะดีขึ้น กลับกลายเป็นว่าทันทีที่ก้าวเท้าแรกของสู่โรงพิมพ์แห่งนี้ กลับกลายเป็นว่าสิ่งที่อุ้ยต้องเผชิญ คือ ความผิดปกติของบรรยากาศ สถานที่พร้อมทั้งผู้คนอีก 3 คนที่ดูแปลกตาในโรงพิมพ์แห่งนี้ เริ่มที่ ป้าบัว เจ้าของโรงพิมพ์ที่มีอีกหนึ่งอาชีพที่ไม่ธรรมดาคือร่างทรงของเจ้าพ่อ ว่ากันว่าเหตุผลที่ป้าบัวกลายมาเป็นคนทรง เนื่องจากก่อนหน้านี้สูญเสียสามีและลูกชายที่รักมากๆ ปล่อยให้สาวใหญ่วัย 52 อย่างป้าบัวต้องเลี้ยงดูหลานชาย อาร์ม (อเล็กซานเดอร์ ไซมอน เรนเดลล์) เพียงลำพัง ความผิดหวังทำให้ป้าบัวมุ่งหาที่พึ่งทางใจ ก่อนที่ในท้ายที่สุดป้าบัวกลับกลายมาเป็นอีกหนึ่งร่างทรงของเจ้าพ่อ แต่คงไม่แปลกใจเท่า อาร์ม ชายวัย 11-12 ขวบ ที่ดูลึกลับไว้ตัวและหวาดกลัวต่อการเข้าห้องน้ำ พร้อมกับพูดถึงใครบางคนที่ปรากฏอยู่ในบ้านตลอดเวลา ซึ่งอาร์มได้ให้คำจำกัดความต่อเสียงเดิน ร้อง พูดคุย ที่คอยกวนในยามวิกาลตลอดเวลา ว่าบ้านหลังนี้ไม่ได้มีเพียงเรา 3 คนเท่านั้น และรอยแผลเป็นที่อยู่บนหลังของอาร์มก็ไม่ได้เป็นฝีมือของคน สำหรับคนสุดท้าย คือ ไม้ (ธีรดนัย สุวรรณหอม) เด็กหนุ่มลูกจ้างวัย 16-17 คนงานประเภทหาเช้ากินค่ำประจำโรงพิมพ์ ซึ่งไม่เคยพูดจาถูกหูอุ้ยเลยตั้งแต่วันแรกที่ได้เจอกัน ภาพพจน์ของไม้ที่อุ้ยรับรู้มาจากคนงานในโรงงานคือ เพื่อนของไม้เคยงัดแงะบุกรุกเข้ามาในโรงพิมพ์เพื่อขโมยของ ทุกชั่วโมงในแต่ละวันค่อยๆ หมดผ่านไปทีละน้อยๆ พอๆ กับที่อุ้ยค่อยๆ ซึมซับถึงความแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นในโรงพิมพ์แห่งนี้ ทั้งจากตัวบุคคลอย่างป้าบัวและอาร์ม ที่ทำให้อุ้ยต้องอาศัยยาระงับประสาทที่เธอต้องพกติดตัวและพึ่งพามันตลอด เพื่อกัดกร่อนและลดทอนความตึงเครียดที่ตามรุกเร้าเธอ โดยไม่ปล่อยโอกาสได้หายใจและให้ทันตั้งตัว"